อินโดนีเซีย

ประวัติความเป็นมา

ในอดีตอินโดนีเซียเป็นแหล่งเครื่องเทศที่สำคัญ จึงเป็นที่สนใจของชาวตะวันตก และตกเป็นอาณานิคมของประเทศเนเธอร์แลนด์นานกว่า 300 ปี
 พ.ศ.2485 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้ยึดครองอินโดนีเซียและขับไล่เนเธอร์แลนด์ออกไปได้สำเร็จ   17 สิงหาคม พ.ศ.2488 อินโดนีเซียถือโอกาสประกาศเอกราชเพราะญี่ปุ่นแพ้สงคราม โดยมี ซูการ์โน เป็นประธานาธิบดีคนแรก แต่เนเธอร์แลนด์ไม่ยอมรับและพยายามกลับเข้ายึดครองอินโดนีเซียอีก ทำให้เกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรง
พ.ศ.2489 ทั้งสองฝ่ายลงนามเพื่อยุติความขัดแย้งใน ข้อตกลงลิงกัดยาติ (Linggadjati Agreement) แต่ภายหลังเนเธอร์แลนด์ละเมิดข้อตกลงโดยนำทหารเข้าโจมตีอินโดนีเซียอีก
      ในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2492 อินโดนีเซียจึงได้รับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากสหประชาชาติกดดัน แต่เนเธอร์แลนด์ก็ไม่คืนดินแดนอิเรียนจายาตะวันตกให้ จนในที่สุดประชาชนในดินแดนนั้นได้ลงประชามติขอเป็นส่วนหนึ่งของอินโดนีเซียต่อสหประชาชาติจึงสามารถรวมกันได้สมบูรณ์ใน พ.ศ.2506


ธงประจำชาติ




รู้จักกันทั่วไปในชื่อ "ซังเมราห์ปูติห์" ("Sang Merah Putih", สีแดง-ขาว) เป็นธงที่มีต้นแบบมาจากธงประจำอาณาจักรมัชปาหิตในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน พื้นธงแบ่งเป็นสองส่วนตามแนวนอน 
- สีแดง หมายถึงความกล้าหาญและอิสรภาพของมนุษย์ 
- สีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์ หรือจิตวิญญานของมนุษย์



เพลงประจำชาติ




ดอกไม้ประจำชาติ




ดอกกล้วยไม้ราตรี เป็นดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย ชื่อสามัญคือ Moon Orchid ลักษณะทั่วไปของกล้วยไม้ชนิดนี้สังเกตได้จากเปลือกเนื้อในเสมอกัน ลำต้นแท้มีข้อและปล้องเหมือนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวทั่วไป เจริญเติบโตทางยอด
ใบเลี้ยงเดี่ยวมีลักษณะต่างกันออกไป รูปร่างลักษณะใบเป็นแถบยาวหรือกลมยาว แผ่นใบคล้ายใบหมาก หนาและอวบน้ำ กลีบดอกสีขาวอมม่วง
พรรณไม้ชนิดนี้ชอบอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ไม่ยากบริเวณพื้นที่ราบต่ำของอินโดนีเซีย จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด ช่อดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นาน 2-6 เดือน จะบานแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น